ความสำคัญของการเช็คเงินเกษตรกร ที่เกษตรกรต้องรู้

เชื่อว่าเกษตรกรในประเทศไทยหลายคนคงเคยได้ยินเกี่ยวกับการเช็คเงินเกษตรกรหรือเช็คเงินเยียวยาเกษตรกรกันมาบ้างแล้ว แต่หลายคนก็ไม่เข้าใจรายละเอียดมากนักว่าการเช็คเงินเกษตรกรหรือตรวจสอบสิทธิ์เกษตรกรมีความสำคัญยังไง แล้วทำไมเกษตรกรอย่างเราถึงต้องเช็คเงินเกษตรกรด้วย ซึ่งความจริงแล้ว การตรวจสอบเงินเยียวยาเกษตรกรก็เพื่อเป็นการเช็คตัวเองว่าเราได้ลงทะเบียนในโครงการต่าง ๆ ที่รัฐบาลช่วยเหลือหรือไม่ ถ้ารู้ว่าตนเองได้เข้าร่วมโครงการก็จะได้รอรับเงินเยียวยา อีกทั้งยังได้รู้อีกว่าโครงการดังกล่าวหมดเขตวันไหน ซึ่งจะช่วยให้เกษตรกรได้วางแผนการใช้จ่ายได้อย่างรัดกุมมากยิ่งขึ้น อนึ่ง ในปี 2023 นี้ ช่องทางสำหรับเช็คเงินเกษตรกรที่สะดวกมาก ๆ คือช่องทางออนไลน์อย่างเว็บไซต์เช็คเงินเกษตรกร และเว็บไซต์ธนาคาร ธ.ก.ส. ดังนั้น หากคุณเป็นเกษตรกรที่กำลังได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจ จนส่งผลต่อสถานะทางการเงิน ก็อย่าได้ลืมไปเช็คเงินเกษตรกรด้วย เผื่อคุณจะได้เงินเยียวยาเกษตรกรของปี 2566 นี้ 

เช็คเงินเกษตรกรประกันรายได้ข้าวได้ที่ไหน

ช่วงต้นปี 2566 นี้ เกษตรกรที่ได้ลงทะเบียนในโครงการประกันรายได้ข้าว ต้องไปเช็คเงินเกษตรกรดังกล่าวด้วย เพื่อที่จะได้รู้ว่าตนเองได้เงินเยียวยาเกษตรกรเท่าไหร่ แต่ถ้าคุณไม่ไปเช็คเงินเกษตรกรหรือเช็คโอนเงินเกษตรกรดังกล่าว คุณจะไม่รู้ว่ารัฐจะเยียวยาเกษตรกรล่าสุดให้คุณกี่บาท ทั้งนี้ ช่องทางในการเช็คเงินเกษตรกรประกันรายได้ข้าวที่สะดวกรวดเร็วมาก ๆ คงหนีไม่พ้นช่องทางออนไลน์อย่างเว็บไซต์ https://chongkho.inbaac.com ทั้งนี้ กล่าวได้ว่าโครงการช่วยเหลือเกษตรกรประกันรายได้ข้าวที่ว่านี้ เป็นรอบของปี 2566/2566 โดยเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรที่ปลูกข้าว 5 ชนิด ครอบคลุมมากกว่า 4.68 ล้านครอบครัวทั่วประเทศไทย สำหรับขั้นตอนการเช็คเงินเกษตรกร ก็ไม่ได้ยุ่งยากเลย เพียงแค่คุณเข้าไปที่เว็บไซต์ https://chongkho.inbaac.com จากนั้น ก็กรอกเลขบัตรประชาชน 13 หลัก จากนั้น ระบบก็จะแจ้งให้คุณทราบว่าคุณจะได้รับเงินเยียวยาในบัญชีอะไร วันไหน สาขาธ.ก.ส. ที่ไหน พร้อมทั้งแจ้งสถานะว่าโอนสำเร็จ หรืออยู่ระหว่างการดำเนินการให้คุณทราบด้วย

เช็คเงินเกษตรกร ประกันรายได้ข้าวแบบละเอียด

คงจะดีไม่น้อยถ้าเราได้รู้ว่าการเยียวยาเกษตรกรล่าสุดภายใต้โครงการประกันรายได้ข้าวมีรายละเอียดอย่างไรบ้าง โดยเฉพาะวงเงินช่วยเหลือเกษตรกร โดยในบทความนี้จะพาคุณไปเช็คเงินเกษตรกรแบบละเอียดว่าธกส ช่วยเหลือเกษตรกรในวงเงินจำนวนเท่าไหร่บ้าง ทั้งนี้ เมื่อได้ไปเช็คเงินเกษตรกรจากช่องทางออนไลน์พบว่า หากเกษตรกรที่ปลูกข้าวความชื้นไม่เกิน 15% ทางธกส จะช่วยให้เงินเยียวยาเกษตรกรไม่เกินครอบครัวละ 40 ไร่ เว้นแต่กรณีเป็นข้าวเจ้าไม่เกิน 50 ไร่ และจะจ่ายเงินดเชยตามประเภทของข้าวแต่ละชนิด คือ ข้าวเปลือกหอมมะลิ รับเงินเยียวยา 15000บาท/ตัน ครอบครัวละไม่เกิน 14 ตัน, ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ รับเงินเยียวยา14000 บาท/ตัน ครอบครัวละไม่เกิน 16 ตัน, ข้าวเปลือกเจ้า ได้เงิน 10000 บาท/ตัน ครอบครัวละไม่เกิน 30 ตัน, ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ได้เงินเยียวยาเกษตรกร 11000 บาท/ตัน ครอบครัวละไม่เกิน 25 ตัน และข้าวเปลือกเหนียว ได้รับ 12000 บาท/ตัน ครอบครัวละไม่เกิน 16 ตัน ฉะนั้น เมื่อใครได้เช็คเงินเกษตรกร หรือเช็คเงินเยียวยาเกษตรกรรอบล่าสุดแล้ว ก็คงหายสงสัยในเรื่องของวงเงินช่วยเหลือไปได้เลย

ช่องทางสำหรับการเช็คเงินเกษตรกร

การเช็คเงินเยียวยาเกษตรกรรอบล่าสุด หรือเช็คเงินเกษตรกรของปี 2023 นับได้ว่ามีความสำคัญอย่างมากต่อเกษตรกรที่ปลูกข้าว เพราะจะทำให้ตนเองได้รู้ว่าจะได้เงินเยียวยาเกษตรกรเท่าไหร่ แต่ถ้าเกษตรกรคนใดไม่ได้เช็คเงินเกษตรกร หรือว่าเช็คเงินเยียวยาเกษตรกร ก็อาจำให้พลาดข้อมูลสำคัญตรงนี้ไป สำหรับช่องทางในการเช็คเงินเกษตรกร คือเว็บไซต์ chongkho.inbaac.com ซึ่งเกษตรกรที่ลงทะเบียนสามารถเช็คเงินเกษตรกรได้ตลอด 24 ชั่วโมง ในส่วนของขั้นตอนการตรวจสอบสิทธิ์เกษตรกรก็ง่ายมาก ๆ เลย เพียงแค่กรอกเลขบัตรประชาชน 13 หลัก เพียงเท่านี้ก็จะรู้แล้วว่าตนเองได้เงินเยียวยาเกษตรกรกี่บาท ได้วันไหน และสถานการณ์โอนเป็นอย่างไร อย่างไรก็ตาม สำหรับท่านที่ไม่ได้ลงทะเบียนหรือไม่ใช่เกษตรกร ทางระบบจะแจ้งว่าไม่พบข้อมูลของการลงทะเบียน ฉะนั้น หากท่านจะเช็คเงินเกษตรกร ก็ต้องมั่นใจว่าตนเองเป็นเกษตรกรที่ได้ขึ้นทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายแล้วเท่านั้น

อยากเช็คเงินเกษตรกร ทำได้ไม่ยาก

ท่านใดที่ลงทะเบียนหรือขึ้นทะเบียนเป็นเกษตรกร คงทราบดีว่าในช่วงปี 2566 นี้ ทางธกส. มีมาตรการเยียวยาเกษตรกรล่าสุดในโคงการประกันรายได้ข้าว โดยผู้มีสิทธิ์รับเงินเยียวยานั้นจะต้องเป็นเกษตรกรที่ปลูกข้าว 5 ชนิดตามเงื่อนไขของธนาคาร ถึงจะผ่านเกณฑ์ธกส ช่วยเหลือเกษตรกร ทั้งนี้ สำหรับท่านใดที่อยากเช็คเงินเกษตรกรว่าตนเองได้เงินเยียวยาเกษตรกรกี่บาท ก็สามารถเช็คเงินเกษตรกรได้ง่าย ๆ ที่เว็บไซต์ chongkho.inbaac.com โดยแค่กรอกเลขบัตรประชาชนให้ถูกต้องทั้ง 13 หลัก ระบบก็จะทำการเช็คเงินเกษตรกรให้กับท่านแล้ว นอกจากนี้ เว็บไซต์ chongkho.inbaac.com ยังเป็นช่องทางสำหรับเช็คเงินเกษตรกรได้ตลอด 24 ชั่วโมงอีกด้วย จึงกล่าวได้ว่าเกษตรกรที่อยากรู้รายละเอียดของโครงการนี้ ควรที่จะลองเข้าไปดูเว็บไซต์ดังกล่าวเป็นอย่างมาก อนึ่ง หากเป็นไปได้ เกษตรกรก็ควรติดตามแหล่งข่าวตามช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ ไว้ด้วย เพราะแหล่งข่าวเหล่านี้มักจะอัพเดทเงินเยียวยาเกษตรกร และโครงการอื่น ๆ เป็นจำนวนมาก

ข้อดีของการเช็คเงินเกษตรกร

กล่าวได้ว่าการเช็คเงินเกษตรกรหรือเช็คเงินเยียวยาเกษตรกรมีข้อดีต่อเกษตรกรในแง่ที่ว่าจะได้รู้รายละเอียดต่าง ๆ เกี่ยวกับโครงการนั้น ๆ เป็นต้นว่าตนเองจะได้รับเงินเยียวยาเท่าไหร่ ธนาคารจะโอนเข้าบัญชีเมื่อไหร่ และโครงการดังกล่าวจะหมดเขตวันไหน สำหรับในปี 2023 นี้ ท่านใดที่เช็คเงินเกษตรกร ก็จะพบว่าธนาคารธกส ช่วยเหลือเกษตรกรผ่านโครงการหลัก ๆ 2 โครงการ คือโครงการประกันรายได้ข้าว และโครงการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ซึ่งถ้าวิเคราะห์ให้ลึกลงไปก็จะพบว่าช่วงที่ผ่านมาค่าข้าวได้ตกต่ำเป็นอย่างมาก จึงส่งผลต่อการทำมาหากินของเกษตรกรทั่วประเทศ ในขณะที่ภัยพิบัติอย่างน้ำท่วม ก็ส่งผลกระทบไม่น้อยไปกว่ากัน เพราะทำให้พืชพชทางการเกษตรเสียหายอย่างหนัก ดังนั้น ใครที่ลงทะเบียนเป็นเกษตรกร ก็อย่าลืมไปเช็คเงินเกษตรกรให้ดีด้วย เพื่อที่จะได้รู้ว่าตนเองได้เงินเยียวยาเกษตรกรหรือไม่นั่นเอง

เช็คเงินเยียวยาเกษตรกรวันนี้ๆ ครอบคลุมข้าวประเภทไหนบ้าง?

ปัจจุบันการเช็คเงินเยียวยาเกษตรกร ครอบคลุมข้าว 5 ชนิดคือ ข้าวเปลือกหอมมะลิ ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ข้าวเปลือกเจ้า และข้าวเปลือกเหนียว

สามารถเช็คเงินเยียวยาเกษตรกรออนไลน์ได้ที่เว็บไหน?

ปัจจุบันช่องทางเช็คเงินเยียวยาเกษตรกรออนไลน์ คือ เว็บไซต์ https://chongkho.inbaac.com/

หนึ่งครอบครัวจะสามารถเช็คเงินเยียวยาเกษตรกรรับยอดเงินได้สูงสุดกี่ไร่

1 ครอบครัวสามารถเช็คเงินเยียวยาเกษตรกรได้ไม่เกิน 40 ไร่/ครัวเรือน